เกี่ยวกับเรา

แนวทางการดำเนินงานของหลักสูตร

แนวทางการดำเนินงานของหลักสูตร

 

1. ปูพื้นฐานการเรียนการสอบวิชาคณิตศาสตร์ประกันภัย

2. สร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำงาน / การเรียนจบ / การเรียนต่อต่างประเทศ ทางด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย

3. เสริมเทคนิคการอ่านหนังสือสอบให้ได้ผล

4. เน้นความเข้าใจ ตีโจทย์ ทำโจทย์ สรุปเนื้อหาและสูตรลัด

5. แก้ปัญหาโจทย์ภาษาอังกฤษ และวิเคราะห์โจทย์ไม่ซ้ำแนว

6. ให้คำปรึกษาในการหาความรู้ทางคณิตศาสตร์ประกันภัย

7. ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าทางการเรียน

 

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากหลักสูตร

 

1. การสอบจนครบทั้งหมดนั้นใช้เวลายาวนานมาก และคนไทยส่วนใหญ่ยังจับทางไม่ถูกในการสอบแต่ละตัว จึงควรเริ่มต้นที่ FM และ P
2. ปูพื้นฐานการสอบวิชาคณิตศาสตร์ประกันภัยตัวอื่น และสอนการเรียนรู้เพื่อที่จะได้เรียนรู้ในการสอบตัวอื่นๆ ที่ยากขึ้นต่อไป เช่น MLC MFE และ C
3. เรียนในมหาวิทยาลัยง่ายขึ้น เกรดสูงขึ้น สอบผ่าน FM & P ได้เร็วขึ้น เพื่อเอาเวลาไปใช้อ่านหนังสือในตัวที่ไม่มีเปิดสอน
4. การสอบเป็นการตัดกลุ่มพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งแต่ละคนนั้นทุ่มเทในการอ่านเป็นอย่างมาก โดยต่างประเทศมีการเปิดกวดวิชาในระดับต้น (ตัวที่ 1 – 5) และระดับกลาง (ตัวที่ 6 – 7) กันอยู่แล้ว
5. ค้นหาตัวเองก่อนการเตรียมตัวเป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย อีกทั้ง เข้าถึงนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ให้คำปรึกษาในเส้นทางการก้าวหน้าในวิชาชีพ
6. ทำความเข้าใจเนื้อหาของวิชาคณิตศาสตร์ประกันภัยก่อนตัดสินใจเข้าเรียนในระดับปริญญาโท หรือในชั้นการศึกษาที่สูงขึ้น ช่วยให้ประหยัดเงิน / เรียนต่อทั้งในและต่างประเทศอย่างคุ้มค่า
7. ได้เปรียบในการหางานที่ท้าทายกว่าคนอื่น ใช้เป็นวุฒิในการสมัครงานได้

ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่
www.soa.org/Education/Exam-Req ,https://www.soa.org/asia/ และwww.beanactuary.org

 

วางแผนก่อนเรียน

           - ใช้หลักการ Circle of learning กับ 80/20 rules

     - วางแผนการอ่านหนังสือและทำโจทย์แต่ละเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     - สอนวิธีบริหารโครงการในการอ่านหนังสือให้ได้ประสิทธิภาพ และ การจัดการบริหารเวลา

     - ฝึกภาษา สอนคำศัพท์ที่จะต้องใช้ ตีโจทย์ ฝึกมือ

ระหว่างเรียน

     - เน้นความเข้าใจเบื้องต้น อธิบายและขยายผล แล้วเขียน Mind mapping เป็นแผนภาพ

     - จัดตั้งกลุ่มอ่านหนังสือ

     - รวมสูตร ย่อสูตร และสรุปสูตร

     - ให้การบ้านเพื่อทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม

     - เก็งข้อสอบ และ จำลองการสอบจริง พร้อมเฉลย

หลังเรียน

     - ประเมินผลเป็นระยะๆ

     - ให้คำปรึกษาและแนะนำในการสอบและเรียนรู้ในมหาวิทยาลัย

     - ให้คำปรึกษาในการสมัครงาน และ แนะนำบริษัท และ ติดต่อฝ่ายบุคคลให้

     -  สร้างแรงจูงใจของการสอบ และสิ่งที่ได้จากการสอบผ่าน

เตรียมสอบ

     - วิธีการสมัครสอบ

     - ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสอบ

     - เทคนิคการทดกระดาษ และการใช้เครื่องคิดเลขให้คล่อง (แนะนำให้นำอย่างน้อย 2 เครื่อง รุ่น TI-30XS และ Texas              BAII Plus เข้าห้องสอบ)

     - วิธีเดาอย่างมีหลักการ 3 แนวทาง

*สำหรับผู้เข้าอบรม จะได้รับเอกสารเพิ่มเติมประกอบการเรียน  ข้อสอบใหม่ และ เก่า เป็นต้น

go to top

อาจารย์ผู้สอน

 

ทางสถาบันได้คัดเลือกอาจารย์ ที่เป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัยในวงการ ผู้สอนมีประสบการณ์การสอนหลักสูตรนี้มามากกว่า 4 รุ่นแล้ว เราคัดเลือกผู้สอนจากความสามารถในการถ่ายทอด การอธิบายภาพรวม การแก้ปัญหาโจทย์ แต่ละหลักสูตรจะมีครูสอนอยู่     4 - 5 คน

 

 

"อ.นฤดล สกุลไพศาลทรัพย์ (ยอร์จ)"

...จากประสบการณ์ในการสอนหนังสือตลอด 5 ปี รวมทั้งการได้เข้าสอบเองใน Exam P และ FM ทำให้ผมมั่นใจว่าจะสามารถ่ายทอดความรู้ และแนวทางในการพิชิตข้อสอบของ SOA ได้อย่างแน่นอน

ประวัติการศึกษา

  • ปริญญาโท คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย แขนงประกันชีวิต
  • ปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ วิชาเอกคณิตศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับสอง)

ประสบการณ์การทำงาน

  • รับราชการครู มากว่า 5 ปี
  • ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
  • ผ่านการสอบ Exam P และ Exam FM

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"อ.สินีนาถ ปอแก้ว (มิ๊ง)"

 

ประวัติการศึกษา

ระดับปริญญาโท

  • Master of Sciences in Financial Engineering, University of Pittsburgh, USA

  • Master of Arts in International Economics and Finance, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

ระดับปริญญาตรี

  • วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมเคมี  จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

  • ประกาศนียบัตรด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

ประสบการณ์การทำงาน

  • ประสบการณ์การทำงานด้านการลงทุน การบริหารเงิน และคณิตศาสตร์ประกันภัยรวม 6 ปี

  • ประสบการณ์ด้านการสอนตามสถาบันการศึกษาและสถาบันกวดวิชากว่า 10 ปี

  • ผู้ช่วยวิจัยสาขาวิศวกรรมการเงิน (Financial Engineering) ที่ University of Pittsburgh, USA

  • ผู้ช่วยสอน (Teaching Assistance) วิชาการเงินธุรกิจ (Corporate Finance) ที่ University of Pittsburgh, USA

  • ได้รับทุนผู้ช่วยวิจัยโครงการ สาขาวิศวกรรมเคมี จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 "อ.นัฐพล แสนอิสระ (ต้อม)"

 

ประวัติการศึกษา

ระดับปริญญาตรี

  • วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประสบการณ์การทำงาน

  • ประสบการณ์การทำงานด้านนักคณิตศาสตร์ประกันภัยรวม 5 ปี
  • ประสบการณ์การทำงานด้านวิศวกรโครงสร้างรวม 3 ปี
  • ประสบการณ์ด้านการสอนตามสถาบันการศึกษาและสถาบันกวดวิชากว่า 10 ปี

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"อ.ขจรกริช แซ่ลี้ (กริช)"

 

ประวัติการศึกษา

ระดับปริญญาตรี

  • วิศวกรรมศาตร์บัณฑิต สาขาอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ระดับปริญญาโท

  • Master of Business Administration(MBA), University of Pittsburgh, USA

ประสบการณ์การทำงาน

  • ประสบการณ์ทำงานด้านการลงทุนในตราสารอนุพันธ์และตราสารทุน รวม 5 ปี

  • ประสบการณ์ทำงานด้านบริหารความเสี่ยงในตราสารอนุพันธ์ ตราสารทุน และ ตราสารหนี รวม 2 ปี
  • ประสบการณ์ด้านการสอนตามสถาบันต่างๆ กว่า 10 ปี
  • ผู้ช่วยสอน (Teaching Assistant) วิชา Derivatives และ วิชา Operation Research ที่ University of 

    Pittsburgh, USA

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 "อ.ไพชยนต์ ทองศิลป์ (โต๊ด)"

 

ประวัติการศึกษา

ระดับปริญญาตรี

  • จบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ระดับปริญญาโท

  • ปริญญาโทที่นิด้าทางด้าน actuarial science and risk management

ระดับปริญญาเอก

  • ขณะนี้กำลังต่อปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์ ที่จุฬาฯวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประสบการณ์การทำงาน

เชียวชาญทางด้าน random variable and probability distribution, expectation and parameter distribution, discrete and continuous distribution, time value of money ,annuities,amortization and bonds 

 

 

 

go to top

เรื่องที่คุณยังไม่รู้

 

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเรียนในสายอาชีพนี้

 

1. อาชีพนี้ก็เหมือนหมอหรือทนายความ ปริญญาโทไม่มีความสำคัญเท่ากับการที่สอบคุณวุฒิวิชาชีพ (เพราะเราไม่เคยถามหมอว่าจบโทจากที่ไหน มีแต่ถามว่าได้ใบคุณวุฒิอะไรมาบ้าง - อาชีพนี้ก็เหมือนกัน) เกรดก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับจำนวนขั้นที่สอบผ่านมา

 

2. อาชีพนี้ไม่จำเป็นต้องเรียนปริญญามาโดยตรง เพราะไม่มีที่ไหนในไทยที่สอนตรง เพียงแต่ต้องสอบคุณวุฒิให้ผ่าน ซึ่่งควรจะได้ 3 - 5 ตัวในช่วงก่อนจะจบมหาลัย (ทั้งหมดมี 10 ตัว)

 

3. บริษัทประกันส่วนใหญ่จะให้ เงินเดือนขึ้นเวลาสอบผ่าน FM และ P เป็นจำนวน X,XXX บาท/เดือน ซึ่งบางที่ก็เรียกว่าค่าวิชาชีพ  เหมือนหมอที่มีวุฒิเพิ่มขึ้นก็ได้ค่าตัวสูงขึ้น 

 

4. การสอบมีเป็น 3 ช่วง 5 ตัวแรกเปรียบได้กับหมอทั่วไป พอครบ 7 ตัวเรียกว่าแอสโซซิเอต (ซึ่งหมอเวลาสอบวุฒิผ่านก็เรียกแบบนี้เหมือนกัน) ก็เปรียบได้กับหมอผ่าตัด และถ้าสอบครบ 10 ตัวก็เรียกว่าเฟลโล่ (เปรียบเหมือนหมอผ่าตัดเฉพาะทาง เช่น หัวใจ หรือสมอง)

 

5. การสอบนั้นเป็นการอ่านเองแล้วไปสอบ (เหมือนเรียนราม) ซึ่งถ้าคนหัวดี ก็ผ่านโดยอ่านเองได้ แต่สอบนั้นมี 10 ขั้น เหมือนวิ่งขึ้นตึก 10 ชั้น จะวิ่งเองหมดเดี๋ยวจะหมดแรง ทางหลักสูตรก็เหมือนเป็นบันไดเลื่อน 2 ชั้นแรก เพื่อให้พื้นฐานแน่น และให้วิ่งต่อกันเองได้ เพราะถ้าอ่านเอง 2 ขั้นแรก แล้วเข้าใจผิดๆ เวลาสอบขั้นสูงๆ ไปก็จะมีโอกาสผ่านได้ยาก ดังนั้นควรมาเรียนเพื่อปูพื้นฐานให้แน่นสำหรับสอบตัวที่ 3 - 5 ได้ในอนาคต

 

6. การสอบแต่ละครั้งเป็นการแข่งขันกันทั่วโลก คุณวุฒิที่ได้ก็ใช้ได้ทั่วโลก เขียนใน resume ไว้สมัครงานได้ และอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต มีแต่คนแย่งตัว

 

7. ราคาถูกกว่าพวกหลักสูตร finance อื่นๆ ที่มีในตลาด ข้างนอกราคาจะประมาณ 3หมื่นถึง 4 หมื่นกว่าบาท แต่แอคชัวรีที่เรียนนี้สอบยากกว่า ยังราคาแค่นี้เอง เพราะไม่ได้มีกำไรเหมือนข้างนอก แถมสอบผ่านเงินเดือนตั้งต้นก็สูงด้วย เช่น สอบผ่านเร็วขึ้น 1 ปี ก็เท่ากับ 4000 x 12 = 48000 บาทไปแล้ว และโบนัสกับโอกาสได้เลื่อนขั้นก็เร็วขึ้นด้วย

 

8. เรียนปริญญาโทนั้น ทำให้เสียเวลาทำงานเก็บประสบการณ์ เพราะอาชีพนี้ต้องมีทั้งวุฒิและประสบการณ์ ปริญญากับเกรดนั้นเป็นเรื่องรอง

 

9. ถ้าไปเรียนเมืองนอกจะเสียประมาณ 1.5 - 2 ล้านบาท ซึ่งอังกฤษจะอนุญาตให้ยกเว้นการสอบ 5 ตัวแรก ได้ถ้าสอบได้ประมาณ B+ ทุกวิชา ซึ่งส่วนใหญ่คนเสียเงินไปเรียนตั้งแพง อาจจะได้ยกเว้นกลับมาแค่ 2 - 3 ตัวแรกเท่านั้น 

 

10. สอบได้ 3 - 5 ขั้น แล้วสอบต่อได้ไม่หมด ก็สามารถทำงานอย่างอื่น เช่นย้ายไปแผนกการตลาด แผนกบัญชี แผนกลงทุน แผนกจัดการความเสี่ยง เป็นต้น โดยในบริษัทประกันก็จะให้ค่าวิชาชีพที่เป็นเงินเดือนขึ้นตามแต่ละขั้นอยู่

 

11.P หรือ FM แต่ละตัวนั้น จะเอาวิชาในปริญญาตรีมาประมาณ 3 - 4 วิชามารวมกัน เทียบเท่าประมาณ 9 หน่วยกิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งเนื้อหาค่อนข้างมาก และยากเหมือนกัน ทางหลักสูตรจึงคัดคนสอนที่สอบผ่านและสอนเก่งมาให้ (ซึ่งก็หายากเหมือนกัน)

 

12. เรียนแบบบุปเฟ่ต์ เรียนซ้ำได้ไม่จำกัด มีการสอบ Mock Exam (จำลองข้อสอบและมานั่งสอบ พร้อมเฉลยในวันนั้น) 2 ครั้งต่อเทอม (เทอมนึงเรียนประมาณ 14 ครั้ง) แถมทุกๆ 2 เดือนจะมีการติวกลุ่มย่อยตัวต่อตัวก่อนสอบ เพื่อเก็งข้อสอบกัน ไลน์คุยกันกับอาจารย์ได้ตลอดเวลา แบบว่าเรียนกันจนกว่าจะผ่าน

 

13. ค่าเรียนถูกกว่าซื้อไอโฟนเครื่องนึง ยอมทนหน่อย แล้วพอทำงานแค่ไม่กี่เดือนก็ได้ส่วนนี้คืนมา คือถ้าอยู่ในอาชีพนี้ 5 ปี ก็ได้มูลค่า 60 เดือน x 4000 บาท เท่ากับ 240,000 บาทไปแล้ว ขนาดจะเป็นแอร์ ยังต้องไปเรียนเพื่อสอบแอร์ ค่าเรียนยัง 3 หมื่นเลย

 

14. เรียนเตรียมสอบเข้า ป.1 ยังแพงกว่านี้เลย อันนี้เรียนเพื่อสอบเป็นแอคชัวรีเชียวนะ แถมได้การันตีเงินเดือนเป็นค่าวิชาชีพอีก เรียกว่าเรียนโค้งสุดท้ายแต่คุ้ม อยากให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูง

 

go to top

ติดต่อเรา

go to top
Intensive
Course

How to register?

แต่ละหลักสูตรจะใช้เวลาเรียนพร้อมทำโจทย์ประมาณ 100 ชั่วโมง ซึ่งจะเปิดปีละ 2 ครั้งเท่านั้น

เนื่องจากแต่ละครั้งจะจำกัดจำนวนที่นั่ง สามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้

"ติดต่อสอบถามได้ที่นี่"

 

Intensive
Course
P
Intensive
Course
FM